ลองจินตนาการถึงเหตุการณ์ ที่เพื่อนและเรากำลังนั่งบนม้านั่งในสวนสาธารณะ ระหว่างนั้น เพื่อนของเราค่อยๆ เริ่มเล่าถึงความกังวลเรื่องงานและความยากลำบากตลอดเวลาที่ผ่านมา จนดวงตาของเพื่อนเริ่มมีน้ำตา ณ ขณะนั้นเอง ที่เราได้สัมผัสได้ถึงความทุกข์และความกังวลของเพื่อน หัวใจของเราก็เริ่มรู้สึกหนักตามไปด้วย และดวงตาของเราาก็เริ่มมีน้ำตาเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้นกับตัวเรากันแน่? รู้หรือไม่ว่าในเชิงจิตวิทยา เราเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ว่า "การแพร่กระจายทางอารมณ์" หรือ “Emotional Contagion”
"เช่นเดียวกับคนที่ติดไวรัสทางระบบทางเดินหายใจ คนบางคนก็มีแนวโน้มที่จะได้รับอารมณ์จากคนรอบข้างได้ง่ายกว่าเช่นกัน" Marie-Josée Richer นักจิตวิทยาการศึกษาจาก Institut universitaire de gériatrie de Montréal อธิบาย โดยเธอคือผู้นำงานวิจัยในเรื่องดังกล่าว ที่เพิ่งเผยแพร่ในวารสาร PLOS Mental Health Richer
งานวิจัยนี้ได้อธิบายว่าคนที่มีความอ่อนไหว มักไวต่อการแพร่กระจายทางอารมณ์ของผู้อื่นเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีความอ่อนไหวอาจรู้สึกตึงเครียดทางกายเมื่อเห็นคนโกรธในทีวี น้ำตาไหลเมื่อเห็นคนร้องไห้ หรือรู้สึกร่าเริงมากขึ้นเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับคนที่มีความสุข อีกทั้งยังพบข้อสังเกตุด้วยว่าการแพร่กระจายทางอารมณ์มีบทบาทสำคัญในสังคมเพราะเป็นพื้นฐานของความเห็นอกเห็นใจ
อย่างไรก็ตาม ความอ่อนไหวนี้อาจเป็นดาบสองคม ในการศึกษาที่ได้อธิบายต่อไปว่าความอ่อนไหวต่อการแพร่กระจายทางอารมณ์ในผู้สูงอายุ จะทำให้พวกเขามีโอกาสเกิดความทุกข์ทางจิตใจสูงกว่าคนที่มีความอ่อนไหวน้อย โดยอาจเป็นต้นเหตุที่นำพามาซึ่งงโรควิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้าได้
ดังนั้นในตอนท้าย การวิจัยนี้จึงเน้นย้ำถึงความสำคัญของอนาคตที่ควรมีข้อแนะนำหรือวิธีการที่สามารถพัฒนาให้บุคคลที่ไวต่อการแพร่กระจายทางอารมณ์สามารถจัดการกับความอ่อนไหวนี้ได้ดีขึ้น เพราะอาจช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางจิตใจและปรับปรุงคุณภาพชีวิตของพวกเขาให้ดีขึ้นได้นั่นเอง