ถึงไม่ทราบมาก่อน แต่เราเชื่อว่าทุกคนน่าจะพอเดาได้ ในกรณีที่สัตว์สักตัวหนึ่งรู้สึกเจ็บป่วย เพราะการแสดงอาการเจ็บคล้ายภาษาสากล ที่ต่อให้ไม่เข้าใจว่าสัตว์กำลังสื่อสารอะไร แต่สิ่งที่แสดงออกมาอาจทำให้เราพอคาดเดาได้ว่านี่คือสภาวะไม่ปกติ หรือสัตว์ตัวนั้นกำลังเจ็บป่วยจากสาเหตุบางอย่างอยู่
เช่นในกรณีของสัตว์อุตสาหกรรมอย่างแพะ ที่หนึ่งในอาการเจ็บป่วยสำคัญของแพะคือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ที่แพะมักแสดงออกมาหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดและเซื่องซึมคล้าบซึมเศร้า อีกทั้งอาจพบอาการที่ผิดแปลกไปอย่างการไม่ยอมเคี้ยวอาหารเก่า โดยความเจ็บป่วยสำคัญนี้ยิ่งพบเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีต่อการรักษาแพะตัวนั้นเท่านั้น
ซึ่งเพราะเห็นความเป็นไปของการแสดงอาการของโรคนี้เอง ที่ทำให้Ludovica Chiavaccini, D.M.V., D.E.S., M.S. รองศาสตราจารย์คลินิกของวิสัญญีวิทยาในวิทยาลัยสัตวแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฟลอริดาและทีมวิจัยได้พัฒนาแนวทางการตรวจจับความเจ็บป่วยนี้ขึ้นมา โดยหยิบเอา “หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด” ของแพะมาเป็นปัจจัยสำคัญ พร้อมสร้าง AI ที่สามารถตรวจจับปัจจัยดังกล่าวได้!
โดยการสร้าง AI ดังกล่าวขึ้นมา เชียวัคชินีและคณะได้บันทึกใบหน้าของแพะที่กำลังเจ็บปวดและแพะที่รู้สึกสบาย จากนั้นนำข้อมูลภาพทั้งหมดเข้าสู่โมเดลการประมวลผลที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้ความแตกต่างของแพะที่มีอาการเจ็บปวดได้ ด้วยพิจารณาเฉพาะใบหน้าเท่านั้น
ระบบจากทีมวิจัยนี้ถูกฝึกฝนและได้เริ่มทดสอบกับแพะจำนวน 40 ตัวเป็นขั้นแรก จนได้ระดับความแม่นยำในการระบุใบหน้าที่เจ็บปวดอยู่ที่ 62% - 80% ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจสำหรับโมเดลขั้นต้น ทีมวิจัยจึงได้เผยแพร่ผลการศึกษานี้พร้อมชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาโมเดล AI คือสิ่งที่คุ้มค่าแก่การลงแรง จนเกิดเป็นแผนงานที่พวกตั้งใจจะศึกษาในอนาคต
และนอกจากการแยกแยะใบหน้าแพะที่เจ็บปวดแล้ว เชียวัคชินียังได้กล่าวเพิ่มเติมไว้ด้วยว่าเทคโนโลยีดังกล่าวยังสามารถนำมาประยุกต์พัฒนาเพื่อใช้ในประโยชน์ด้านอื่นได้อีก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สัตว์ประเภทเดียว เช่นในมนุษย์เอง เขายังได้แสดงความเห็นว่าโมเดล AI ของพวกเขาอาจช่วยในการรักษาความเจ็บปวดในผู้ป่วยที่ไม่สามารถสื่อสารทางคำพูดได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
“หากเราสามารถพัฒนาจน AI สามารถแก้ปัญหาการวัดความเจ็บปวดในสัตว์ เราก็อาจแก้ปัญหาเดียวกันนี้ในเด็กหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถพูดได้ รวมถึงในอีกหลายกรณีที่ถ้าเราทำสำเร็จ ประโยชน์จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้มากขึ้นเยอะเลย” เชียวัคชินีทิ้งท้าย