รู้หรือไม่ว่าตามธรรมชาติแล้ว วาฬจะล่าหาอาหารผ่านการ ‘จับคลื่นเสียง’ ในท้องทะเลอันมืดมิด กล่าวคือโดยสัญชาตญาณของพวกมันแล้ว วาฬจะรับรู้ได้ว่าคลื่นความถี่ของเสียงสะท้อนแบบนี้ คืออาหารที่จะทำให้พวกมันดำรงชีวิตต่อไปได้
แต่จากงานศึกษาล่าสุด กลายเป็นว่าเพราะกลไกเดียวกันนี้เอง ที่ทำให้ในปัจจุบัน วาฬกำลังประสบปัญหาการกินขยะพลาสติก เพราะเสียงจากพลาสติกดันไปคล้ายกับเสียงอาหารที่เหล่าวาฬรับรู้!
งานวิจัยนี้ทำขึ้นโดย Greg Merrill นักศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัย Duke และเผยแพร่ในวารสาร Marine Pollution Bulletin โดยเขาได้ค้นพบว่าคลื่นเสียงที่สะท้อนจากขยะพลาสติกในทะเล มีลักษณะใกล้เคียงกับคุณสมบัติทางเสียงของเหยื่อที่วาฬล่า ทำให้วาฬมีแนวโน้มที่จะบริโภคพลาสติกเหล่านั้น แทนที่จะเป็นเหยื่อที่เหมาะสม
โดยในงานวิจัย เมอริลล์ได้บรรยายถึงรายละเอียดความเป็นมาไว้ว่าวาฬที่อยู่ในทะเลลึกอย่างวาฬหัวทุยและวาฬใบหู ด้วยธรรมชาติแล้วพวกมันจะส่งเสียงผ่านผืนน้ำ เพื่อวัดเสียงที่สะท้อนกลับมาจากวัตถุในน้ำ โดยเสียงที่สะท้อนกลับมาจะถูกรับรู้โดยอวัยวะที่เต็มไปด้วยไขมันในขากรรไกรล่าง ก่อนย้ายข้อมูลไปที่หูชั้นในและส่งต่อไปยังสมองเพื่อตีความ โดยระบบดังกล่าวของวาฬทำงานได้ดีและทำให้เผ่าพันธ์ของมันตั้งแต่อดีตอยู่รอดมานานกว่า 25 ล้านปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ปัญหาขยะพลาสติกในมหาสมุทร เช่น ถุงช้อปปิ้ง เชือก และขวด ที่กำลังเพิ่มขึ้น กำลังส่งผลให้ในกระเพาะอาหารของวาฬที่ถูกเกยตื้นมีสิ่งเหล่านี้อยู่ด้วย เมอริลล์จึงสนใจที่จะทดสอบลักษณะคลื่นเสียงของวัสดุต่างๆ ว่าวาฬจะถูกหลอกลวงด้วยเสียงสะท้อนจากพลาสติกหรือไม่ โดยเขาได้รวบรวมขยะพลาสติกที่มีอยู่ทั่วไปจากชายหาดในเมืองบีฟอร์ตและชายหาดแอตแลนติกใกล้เคียง จากนั้นนำไปทดสอบที่เรือ R/V Shearwater ของห้องปฏิบัติการทางทะเลที่มหาวิทยาลัย โดยเทียบกับปลาหมึกซึ่งเป็นอาหารตามธรรมชาติของเหล่าวาฬ จนเมอร์ริลล์ได้พบว่าขยะพลาสติกมีลักษณะเสียงคล้ายกับอาหารของวาฬอย่างที่ตั้งสมมติฐานไว้จริง โดยเฉพาะฟิล์มพลาสติกและชิ้นส่วนพลาสติกที่เสียงใกล้เคียงกับปลาหมึกมากๆ
ด้วยเหตุนี้เอง เมอริลล์จึงได้เสนอว่าในอนาคต ถ้ามนุษย์สามารถออกแบบพลาสติกใหม่ให้ไม่มีลักษณะคลื่นเสียงคล้ายกับอาหารได้ นั่นจะเป็นการดีต่อวาฬไม่น้อยเลย แต่ที่จะดีกว่านั้นอีก คือการที่มนุษย์แก้ปัญหาเรื่องขยะในท้องทะเลด้วยความจริงจังมากกว่าเดิม ให้ไม่ต้องมีพลาสติกในทะเลไปเลยก็น่าจะดีกว่า