งานวิจัยใหม่นำเสนอ การใช้โทรศัพท์สะท้อนโรคจิตเวช อาจเป็นเครื่องมือเสริมทางการแพทย์ในอนาคต

งานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร JAMA Network Open ชี้ให้เห็นว่า สมาร์ทโฟนที่เราใช้ในชีวิตประจำวันสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตได้โดยไม่ต้องรบกวนผู้ใช้งาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทีมิวจัยลองนำมาจากระบบเซนเซอร์ต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนไหว ตำแหน่งที่อยู่ ระยะเวลาที่ใช้หน้าจอ หรือแม้แต่รูปแบบการนอน จนได้หลักฐานที่ทำให้ทีมวิจัยสังเกตเห็นว่าข้อมูลที่แสดงออกถึงพฤติกรรมเหล่านี้ สามารถเชื่อมโยงกับอาการของโรคทางจิตใจได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า ไปจนถึงความผิดปกติด้านบุคลิกภาพ


สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากงานวิจัยคือ ข้อมูลจากสมาร์ทโฟนไม่ได้สะท้อนเพียงโรคใดโรคหนึ่ง แต่สามารถบอกถึง “มิติร่วม” ของอาการทางจิตใจที่มักพบข้ามโรคต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าทำไมคนที่มีโรคเดียวกันจึงแสดงออกแตกต่างกัน และทำไมบางพฤติกรรมถึงเกี่ยวข้องกับหลายโรคพร้อมกัน การพิจารณาด้วยวิธีการนี้จึงถือเป็นแนวทางใหม่ที่สอดคล้องกับยุคสมัย ในการช่วยให้การทำความเข้าใจสุขภาพจิตซับซ้อนน้อยลงและครอบคลุมมากขึ้น


โดยแม้งานวิจัยจะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น แต่ผลลัพธ์ชี้ว่าข้อมูลจากสมาร์ทโฟนสามารถกลายเป็นเครื่องมือเสริมที่ทรงพลังสำหรับแพทย์ในอนาคต เพราะสามารถติดตามชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำกว่าการพึ่งพาแบบสอบถามหรือความทรงจำเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม นักวิจัยย้ำว่าเทคโนโลยีนี้จะไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ แต่จะเป็น “เครื่องมือเพิ่ม” ที่ช่วยให้การประเมินและการรักษาโรคทางจิตใจมีประสิทธิภาพและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย