ถึงแม้จะเริ่มต้นจากเกม แต่ปัจจุบัน Sonic ได้ก้าวข้ามความเป็นเกมไปสู่วัฒนธรรม Poo-Culture แล้ว โดยเฉพาะภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาคที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนทำให้คนทั่วโลกรู้จักกับเจ้าเม่นสีฟ้าความเร็งแสงนี้เป็นอย่างดี จนนามาซึ่งการพูดถึงและต่อยอดมากมาย เช่นที่ Paolo Segre นักวิจัยด้านกลศาสตร์ชีวภาพแห่งมหาวิทยาลัย Wisconsin–Green Bay ได้ทำการศึกษาการเคลื่อนที่ของโซนิกในแง่มุมของฟิสิกส์และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

ฟังดูแล้วอาจดูเป็นการ “หาทำ” ใช่ไหม? แต่ความเป็นจริงแล้วผลการศึกษาเซเกรนั้นน่าสนใจไม่น้อยเลยนะ โดยเขาตั้งต้นด้วยความสงสัยง่ายๆ ว่าในเมื่อตามธรรมชาติแล้ว สัตว์อย่างเม่นไม่สามารถวิ่งผ่านลูปวงกลมแบบไม่ตกลงมาได้ แล้วโซนิกทำอย่างไรล่ะ ถึงวิ่งผ่านลูปวงกลมไปได้คล้ายรถไฟเหาะหรือรถแข่ง

ในการตอบคำถามข้างต้น เซเกรได้อธิบายว่า Sonic อาจใช้หลักฟิสิกส์เดียวกับการเคลื่อนที่ของรถไฟเหาะ ที่หลักสำคัญที่ทำให้ผ่านลูปได้คือ “ความเร็ว” กล่าวคือโซนิกต้องรักษาความเร็วในระดับสูงขณะเข้าใกล้จุดสูงสุดของห่วงให้ได้ โดยที่มีแรงโน้มถ่วงและแรงปกติจากเส้นทางที่ช่วยคงให้เขาอยู่ในเส้นทางเดิมประกอบอยู่ด้วย

ทีนี้ถ้ามองด้วยความเข้าใจนี้ โซนิกที่สามารถวิ่งด้วยความเร็วปกติของตัวเองได้ถึง 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ซึ่งเท่ากับความเร็วเสียง) จึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรเลยที่ตนเองจะวิ่งจนผ่านลูปได้แบบสบายๆ

แต่เซเกรได้ชวนคิดต่อด้วยว่าแล้วในโลกความเป็นจริงล่ะ มีสัตว์ที่ทำได้คล้ายแบบนั้นไหม ซึ่งเซเกรได้อธิบายว่าคำตอบคือไม่ แต่นั่นก็มีเหตุผลอยู่เช่นกัน เพราะในโลกทัศน์ของธรรมชาติ สัตว์แทบทุกประเภทไม่จำเป็นต้องผ่านข้อจำกัดทางด้านการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันแบบ “ลูปวงกลม” เลย ดังนั้นสัตว์จึงไม่ได้มีการปรับตัวหรือวิวัฒนาการให้ใกล้เคียงกับที่โซนิกทำ กลับกันเสียอีก สัตว์หลายประเภทอย่างแมลงหรือจิ้งจกก็เลือกที่จะวิวัฒนาการให้สามารถปีนขึ้นพื้นผิวในแนวตั้งด้วยแขนขาที่มีความพิเศษ มากกว่าจะเลือกเพิ่มความเร็วให้ตนเอง

ซึ่งในช่วงท้าย เซเกรยังอธิบายอีกหนึ่งข้อสังเกตุสนุกๆ ไว้ด้วยว่าถ้า Sonic คือเม่นที่มีรูปลักษณ์เหมือนเม่นในโลกชีวิตจริง ขนหนามที่มีอยู่ (quills) อาจช่วยทำให้โซนิกวิ่งเร็วขึ้นอีกนิดด้วย ผ่านหลักการของพลศาสตร์ของอากาศ ที่ขนหนามสามารถช่วยลดแรงต้านที่เกิดจากการเคลื่อนไหวในอากาศของโซนิกได้ กล่าวคือเกิดเป็นลักษณะเฉพาะที่อาจช่วยลดการเกิดลมวนรอบตัวเขา ซึ่งช่วยให้เขาวิ่งได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง