ทฤษฎีรูหนอน บนจักรวาลMARVELS!

ทฤษฎีรูหนอน บนจักรวาลMARVELS!

_______________


      กลับมาอีกครั้งกับหนังฟอร์มยักษ์จากค่าย MARVEL STUDIO’Sกับเรื่อง #THE MARVELS โดยครั้งนี้มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ Multiverse  การเดินทางข้ามเวลาทะลุมิติด้วย #รูหนอน ที่เป็นตัวเชื่อมหลักของเนื้อเรื่องด้วย!


สิ่งที่น่าสนใจคือ ‘ทฤษฎีรูหนอน’ หรือประตูข้ามมิติที่เราเคยได้ยินกันมาอย่างเนิ่นนานนั้น.. เมื่อก่อนเราคงมองว่ามันมีแค่ในหนังแฟนตาซี Sci-fi เพียงเท่านั้น! แต่ปัจจุบัน อาจไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป? เพราะล่าสุดทฤษฎีรูหนอนได้ถูกนำมาทดลองค้นหาและจำลองขึ้นมาได้สำเร็จแล้ว!! ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ทศวรรษ ทฤษฎีนี้ยังคงเป็นหนึ่งในองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่หลายคนเฝ้าฝันและรอให้เกิดขึ้นได้จริงๆ เราไปส่องกันว่ามีรายละเอียดอะไรบ้างที่ซ่อนอยู่? ทฤษฎีรูหนอนคืออะไร? แล้วบนโลกของเรานั้นมีอยู่จริงไหม??




รูหนอนคืออะไร?


      รูหนอน (Wormhole) คือ แนวคิดทางทฤษฎีในฟิสิกส์ที่แสดงถึงทางลัดหรืออุโมงค์ผ่านกาลอวกาศ เชื่อมต่อจุดสองจุดที่แยกจากกันในจักรวาลหรือแม้แต่จักรวาลที่แตกต่างกันเป็นวิธีการเดินทางที่เร็วกว่าแสงหรือเป็นประตูสู่มิติอื่น เป็นสะพานเชื่อมระหว่างจุดเริ่มต้น-กับปลายทาง ที่มีชื่อเรียกกันว่า สะพานของไอน์สไตล์-โรเซน  (Einstein-Rosen Bridge)


อธิบายง่ายๆ คือ รูหนอนเป็นเหมือน “ทางลัดผ่านกาลอวกาศ” จากสิ่งหนึ่งเดินทางทะลุผ่านไปยังอีกสิ่งหนึ่งได้ด้วยเวลาที่สั้นลงนั่นเอง! 



กาลอวกาศคืออะไร?


      กาลอวกาศ หรือ สเปซ-ไทม์ (Space Time)  เป็นแนวคิดพื้นฐานในฟิสิกส์ที่รวมมิติเชิงพื้นที่ทั้งสาม (ความยาว ความกว้าง และความสูง) เข้ากับมิติที่สี่ของเวลาให้เป็นกรอบเดียวกัน แนวคิดนี้เป็นองค์ประกอบสำคัญของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ เวลาไม่ได้มีอิสระในตัวมันเอง แต่เวลารวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับอวกาศ ทั้งสองรวมอยู่ด้วยกันเป็น “กาล-อวกาศ” หรือ Space-Time นั่นเอง


อธิบายง่ายๆคือ “เวลารวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับอวกาศ” เหมือน (ที่วาง + เวลา)



อะไรคือ ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป ?


      ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (Theory of General Relativity) เป็นรากฐานความสำคัญของฟิสิกส์ยุคใหม่ มีไว้สำหรับวัดค่าความเร็วของแสง อัตราความเร็ว-ความเฉื่อย การยืดออกของเวลา การเคลื่อนที่ของวัตถุ  แรงโน้มถ่วง หรือการเดินทางของแสง เป็นหลักการเบื้องต้นของการเคลื่อนที่ของวัตถุใดๆ ก็ตามที่เป็นไปตามกฎการเคลื่อนที่ของฟิสิกส์และสัมพันธ์กับเวลานั่นเอง



ทฤษฎีรูหนอนมาจากไหน? 


      เป็นทฤษฎีที่ถูกคิดค้นโดย อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ และลูกศิษย์ชื่อ นาธาน โรเซน ซึ่งเป็นการนำเสนอเชิงทฤษฎีไว้ในทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไป ในปี 1905 และ1915 โดยอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง เรขาคณิตของกาลอวกาศ (spacetime geometry) และ สสาร (matter) ผ่านสมการของไอสไตน์

จนหลายปีต่อๆมาก็ได้มีนักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์มากมาย นำทฤษฎีนี้มาวิเคราะห์และเสาะหาความจริงกันมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน!



เกิดขึ้นได้อย่างไร?


      ตามหลักแล้วก็ยังเป็นทฤษฎีที่ยังมีข้อถกเถียงอยู่มาก แต่โดยสรุปแล้วรูหนอนเกิดขึ้นจากการเชื่อมกันเป็นทางเชื่อมของหลุมดำสองแห่ง หลุมดำนั้นเกิดจากดาวฤกษ์ที่มีมวลมหาศาลได้แตกดับลงและสสารที่เคยประกอบเป็นดาวดวงนั้นจะถูกบีบอัดจากแรงดึงดูดของตนเองจนเหลือเป็นมวลหนาแน่นที่มีขนาดเล็กมากๆ

     ซึ่งหลุมดำนั้นมีแรงโน้มุถ่วงในตัวสูงมาก จนค่าความโค้งของกาลอวกาศบริเวณนั้นมีค่าเป็นอนันต์ ที่เรียกว่า “ภาวะเอกฐานเชิงความโน้มถ่วง หรือ Gravitational-Singularity” เมื่อการพับตัวของปริภูมิ-เวลา (space-time) ได้ทำให้เกิดรูหนอนย่นระยะทางเชื่อมต่อสถานที่สองแห่งในจักรวาล แรงโน้มถ่วงมหาศาลจากวัตถุที่มีมวลมากเช่นจากดาวฤกษ์ที่ปลายทางอีกด้านหนึ่งของรูหนอน ย่อมสามารถจะส่งผ่านมาถึงยังปลายทางด้านตรงข้ามที่เราเป็นผู้สังเกตอยู่ได้ โดยแรงโน้มถ่วงมหาศาลนี้จะทำให้การเคลื่อนที่ของวัตถุอวกาศในฝั่งของเรากวัดแกว่งเปลี่ยนแปลงไปจากปกติ



รูหนอนกับการข้ามจักรวาล!


  •  ขนาดมิติของรูหนอนที่จำกัด จะทำให้ไม่สามารถส่งสารหรือแม้แต่ข้ามผ่านไปได้อย่างปลอดภัย!
  • การข้ามผ่านรูหนอน ตัวสารหรือมนุษย์จะถูกบีบอัด สูญหาย หรืออาจพังทลายก่อนที่จะไปถึงได้
  • แรงโน้มถ่วงของจักรวาลยิ่งหมุนด้วยความเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้มีแนวโน้มที่จะยุบตัวลงมากเท่านั้น 



แล้วเราจะข้ามมิติด้วยรูหนอนได้อย่างไร ?


  • รูหนอน ต้องมีสสารแปลกใหม่หรือพลังงานเชิงลบ เพื่อให้พวกมันคงที่และป้องกันไม่ให้พวกมันพังทลาย
  • รูหนอน ต้องมีขนาดใหญ่พอที่วัตถุอย่างยานอวกาศหรือแม้แต่มนุษย์จะทะลุผ่านได้
  • การรักษาเสถียรภาพของรูหนอน เนื่องจากจะต้องอาศัยพลังงานรูปแบบแปลกใหม่และมีคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา
  • สสารลบอันลี้ลับ หรือ exotic negative matter และพลังงานลบหรือ negative energy จะเป็นตัวการหลักในการทำให้รูหนอนเปิด และไม่พังทลาย



ถ้าหากเราสร้างรูหนอนเองล่ะ! จะทำได้อย่างไร?


      ในทางทฤษฎีแล้วรูหนอนอาจเกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติที่อาจอยู่ที่ไหนสักแห่งบนจักรวาล แต่หากจะทดลองสร้างเอง ล่าสุดทีมนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย(UCSB)ของสหรัฐฯได้เสนอวิธีการทางทฤษฎีเพื่อสร้างรูหนอนแบบที่มั่นคงแข็งแกร่งกว่าปกติ!

โดยประกอบไปด้วย 3 ขั้นตอน


  • ต้องทำให้หลุมดำมีประจุไฟฟ้า

      ตามปกตินั้นหลุมดำสามารถจะมีประจุไฟฟ้าในตัวได้อยู่แล้ว โดยหลุมดำประเภทนี้จะมีภาวะเอกฐาน (singularity) ที่ยืดขยายและบิดเบี้ยวได้ ทำให้เกิดช่องทางเชื่อมต่อกับหลุมดำอีกแห่งหนึ่งที่มีประจุไฟฟ้าขั้วตรงข้าม จนกลายเป็นประตูทางเข้าออกของรูหนอนข้ามจักรวาลขึ้นในที่สุด


  • ต้อง "ผูกโบว์" เสริมความแข็งแกร่งด้วยเส้นคอสมิก

      เส้นคอสมิกเป็นสิ่งที่นักฟิสิกส์สันนิษฐานว่ามีอยู่จริงในทางทฤษฎีโดยเป็นร่องรอยของข้อบกพร่องที่หลงเหลืออยู่หลังเกิดเหตุการณ์บิ๊กแบง เส้นคอสมิกจะสามารถทำให้เกิดแรงดึง (tension) ในระดับมหาศาลขึ้นได้ หากเรานำมันสอดเข้าไปในรูหนอนระหว่างคู่หลุมดำเหมือนร้อยเส้นด้าย จากนั้นดึงที่ปลายทั้งสองข้างของเส้นคอสมิกให้ตึง จนแรงดึงเพิ่มขึ้นถึงระดับที่เป็นอนันต์ก็จะมีแรงต้านทานให้ทางเข้าออกของรูหนอนเปิดอยู่นานขึ้นและคู่หลุมดำไม่ขยับเข้าใกล้จนมารวมตัวกัน


  • ต้องใช้แรงสั่นสะเทือนจนเกิดพลังงานลบ

      หากต้องการให้รูหนอนมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นทีมผู้วิจัยระบุว่าให้ทบปลายทั้งสองข้างของเส้นคอสมิกที่โผล่พ้นรูหนอนให้บรรจบเข้าด้วยกันเป็นวงกลม จะทำให้รูหนอนไม่พังทลายอย่างง่ายดายในชั่วพริบตาเหมือนเช่นเดิม การที่เส้นคอสมิกกลายเป็นวงกลม ทำให้มันบิดตัวไปมาและสั่นอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนสร้างความปั่นป่วนให้กับปริภูมิ-เวลาโดยรอบ ซึ่งหากการสั่นเพิ่มไปถึงระดับที่เหมาะสมแล้ว พลังงานที่อยู่ในบริเวณนั้นจะมีค่าเป็นลบ (negative energy) โดยในทางฟิสิกส์พลังงานนี้จะให้ผลแบบเดียวกับมวลที่เป็นลบ ซึ่งจะทำให้รูหนอนเสถียรได้



สรุปแล้วรูหนอนมีอยู่จริงไหม


      คำตอบก็คือ ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด เพราะยังไม่มีใครเหคยพบเห็นจริงๆ เพียงแต่ในทางทฤษฎีนั้นพิสูจน์ได้ว่ามีจริงเท่านั้นเอง!  “แม้ว่ารูหนอนอาจมีอยู่จริง แต่สิ่งมีชีวิตคงไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านมันและรอดไปบอกเรื่องราวให้ใครฟังได้” - ไอล์สไตน์กล่าว .... 




ถึงแม้ว่าแนวคิดเรื่องรูหนอนอาจดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีหลายอย่างที่เรามองข้ามไป ครั้งหนึ่งก็เคยถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้!! ทฤษฎีต่างๆมีประวัติศาสตร์อันยาวนานที่สามารถนำไปใช้งานจริงได้ในปัจจุบันและวันหนึ่ง #ทฤษฎีรูหนอน ก็อาจจะเป็นจริงขึ้นได้ในอนาคตมาเช่นกัน..




“ร้อยกว่าปีที่แล้วมนุษย์พึ่งหัดบิน ร้อยปีถัดมาพึ่งได้เหยียบดวงจันทร์
คงต้องอีกเป็นร้อยปี! ถึงจะเดินทางด้วยความเร็วแสงข้ามจักรวาลได้...” 





#MARVEL #MARVELCOMICS #THEMARVELS #Multiverse #Wormhole #ทฤษฎีรูหนอน #เดินทางข้ามเวลา #ข้ามจักรวาล #มาร์เวล #ภาพยนตร์


แหล่งที่มา : 

REPAYTHAILAND - A BRIEF HISTORY OF TIME, UNIVERSE

belovedtime.com

signorscience.com